Powered By Blogger

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

จังหวัดขอนแก่น


จากหลักฐานการสำรวจบริเวณบ้านโนนนกทา บ้านนาดี ตำบลบ้านโคก อำเภอภูเวียง ของ วิลเฮล์ม จิโซลไฮม์ เรื่อง เออร์ลี่บรอนซ์ อิน นอร์ธอิสเทริน์ ไทยแลนด์ ได้ค้นพบเครื่องสำริดและเหล็กมีเครื่องมือเครื่องใช้เป็นขวาน รวมทั้งแบบแม่พิมพ์ที่ใช้หล่อ มีกำไลแขนสำริดคล้องอยู่ที่โครงกระดูกท่อนแขน ซ้อนกันหลาย วง พบกำไรทำด้วยเปลือกหอย รวมทั้งพบแหวนเหล็กไน แสดงว่ามีการปั่นด้ายทอผ้าใช้ในยุคนั้นแล้ว นอกจากนี้ ยังพบขวานทองแดง อายุ 4,600-4,800 ปี เป็นหัวขวานหัวเดียวที่พบในประเทศไทย ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ในชั้นดินที่ 20 การกำหนดอายุโดยคาร์บอนด์ 14 จากชั้นดินที่ 19 ปรากฏว่าอายุ 4,275 ปี จากหลักฐานข้างต้นพิสูจน์ให้เห็นว่าอาณาเขตบริเวณจังหวัดขอนแก่น เป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรม วัฒนธรรมอันสูงสุดมาแต่ดึกดำบรรพ์ มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนสมัยพุทธกาลหลายพันปี

พระธาตุขามแก่น

จังหวัดมหาสารคาม

เมืองมหาสารคาม นับเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของชาวอีสาน มีชุมชนโบราณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุมชนบ้านเชียงเหียน หมู่บ้านปั้นหม้อของชาวบ้านหม้อ ตำบลเขวา อำเภอเมืองมหาสารคามแหล่งโบราณสถาน และสถานที่สำคัญทางศาสนาก็มี พระธาตุนาดูน กู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน กู่บ้านแดง อำเภอวาปีปทุม ปรางค์กู่ ตำบลเขวา อำเภอเมืองมหาสารคาม ที่น่ามาศึกษาหาความรู้ทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง

ปัจจุบันจังหวัดมหาสารคามเป็นเมือง ตักสิลา เมืองการศึกษาของชาวเมืองตักสิลา เมืองการศึกษาของชาวอีสาน มีทั้ง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม วิทยาลัยพลศึกษา วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยอาชีวศึกษา รวมทั้งสถานศึกษาอุดมศึกษาของภาคเอกชน ซึ่งในช่วงเปิดภาคเรียนจังหวัดมหาสารคาม จะครึกครื้นไปด้วยนักศึกษาจากต่างถิ่นที่มาศึกษาหาความรู้จากสถานศึกษาต่าง ๆ ในจังหวัดมหาสารคาม


สถานที่สำคัญ ของจังหวัดมหาสารคามอีกหนึ่งแห่งที่ตั้งอยู่ที่ อำเภอนาดูน ซึ่งพระธาตินาดูนมีความเป็นมาที่ยาวนานและเป็นที่เคารพสักการะ ของชาวจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งผ่านที่เดินทางผ่านไปมาได้แวะมาสักการะสร้างขึ้นเพื่อบรรจุบพระบรมสารีริกธาตุที่ได้จากเจดีย์ขนาดเล็กองค์หนึ่ง ซึ่งค้นพบห่างจากองค์พระธาตุแห่งนี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร ลักษณุของพระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมซ้อนกัน 3 ชั้น ตกแต่งด้วยประติมากรรมนูนต่ำ ประดับเจดีย์จำลองขนาดเล็ก 4 มุม สันนิษฐานว่ามีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 สมัยทวารดี




ประวัติ ปาน ธนพร และ หวาย

ประวัติปาน ธนพร
ปานเกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2519 มีความสนใจในการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก เริ่มต้นการร้องเพลงในสไตล์ลูกทุ่ง ปานเข้าเรียนระดับมัธยมที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ ได้เริ่มการร้องเพลงอาชีพครั้งแรกตอนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 5 ในฐานะนักร้องคอรัส หลังจากจบปริญญาตรี ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกดนตรี ได้ทำงานเบื้องหลังมาตลอด ทั้งร้องคอรัส ร้องเพลงละคร ร้องเพลงประกอบรายการ ร้องไตเติ้ลรายการ ร้องไกด์ให้กับศิลปินดังๆ มากมาย และทำงานประจำในตำแหน่งครูสอนร้องเพลงที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ [1][2]

ในปี 2543 ปานเข้าเป็นนักร้องเดี่ยวในสังกัดอาร์เอส โปรโมชั่น ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกที่ชื่อ ปาน ธนพร มีเนื้อหาของเพลงเกี่ยวกับผู้หญิงที่ตรงไปตรงมา ควบคุมการผลิตโดย โปรดิวเซอร์ มีฝีมือ อย่าง "นิพันธุ์ ช่วยสงเคราะห์" และได้รับเสียงตอบรับอย่างดี ในปีต่อมามีผลงานอัลบั้มที่ 2 ชื่อ หวานผ่าซาก ต่อมาในปี 2548 ทางต้นสังกัดบริษัท อาร์เอส โปรโมชั่น จีบมือกับทางบริษัท วอเนอร์ มิวสิค ไทยแลนด์ ทำโปรเจกต์พิเศษชึ้นมาหนึ่งชุด โดยให้ปาน ธนพร ร่วมงานกับวงดนตรีเพื่อชีวิต “คาราบาว” ออกผลงานเพลงในอัลบั้ม “หนุ่มบาว-สาวปาน” จากกระแสความดังของอัลบั้มชุดนี้ได้ทำให้ในช่วงนี้มีกระแสข่าวว่าปานจะย้ายไปสังกัดค่ายวอร์เนอร์มิวสิค




เพลง ไม่รักเธอ

ประวัติหวาย

ชื่อ ปัญญริสา ชื่อเล่น หวาย

เกิด 27 / 03 / 1993 อายุ 14 ปี

สีที่ชอบ ส้ม

คติประจำใจ ฝันให้ไกลไปให้ถึง

อาหารที่ชอบ pizza and chocolate

สัตว์ที่เกลียด ปลาฉลาม

กีฬาที่ชอบ ice - sket bastketball

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

จังหวัดหนองบัวลำภู


หนองบัวลำภูหรือในอดีตเรียกว่า นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ตามตำนานพระวอ-พระตา ผู้สร้างเมืองหนองบัวลำภูเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2302 โดยได้สร้างกำแพงเมือง มีค่ายคูประตูหอรบครบครันเพื่อป้องกันข้าศึก โดยเฉพาะข้าศึกจากทางเวียงจันทน์ คือ ได้สร้างกำแพงหิน หอรบขึ้นที่เชิงเขาบนภูพานคำ ซึ่งเป็นเส้นทางหน้าด่านใกล้กับบริเวณน้ำตกเฒ่าโต้ ห่างจากกำแพงเมืองไปทางทิศตะวันออกประมาณ 1 กิโลเมตร[3]

ต่อมาในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าสิริบุญสารแห่งเมืองเวียงจันทน์ ได้ส่งกองทัพมาปราบปราม เกิดการต่อสู้กันที่ช่องน้ำจั่น (น้ำตกเฒ่าโต้) บนภูพานคำ สู้รบกันอยู่สามปียังไม่แพ้ชนะกัน ทางฝ่ายเมืองเวียงจันทน์จึงขอกองทัพพม่ามาช่วยเหลือจนสามารถตีเมืองนครเขื่อนขันธ์ฯ ได้ พระวอ-พระตาจึงได้อพยพผู้คนหนีไปพึ่งพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมารแห่งอาณาจักรล้านช้างจำปาสัก ในปี พ.ศ. 2321 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาจักรียกกองทัพมาช่วยพระวอ-พระตาขับไล่กองทัพของพระเจ้าสิริบุญสารออกไป แล้วยกกองทัพติดตามเข้าตีเมืองเวียงจันทน์ได้ ครั้งนั้นได้ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชนำไปจากเมืองเชียงใหม่ เมืองนครเขื่อนขันธ์ฯ ก็ได้มาขึ้นอยู่กับไทย

จังหวัดกาฬสิน

กาฬสินธุ์ เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งบอกว่า เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าละว้า ซึ่งมีความเจริญทางด้านอารยธรรมประมาณ 1,600 ปี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เริ่มตั้งเป็นเมืองในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2336 โดยท้าวโสมพะมิตร ได้อพยพหลบภัยมาจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงพร้อมไพร่พล และมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำปาว เรียกว่า “บ้านแก่งสำโรง” แล้วได้นำเครื่องบรรณาการเข้าถวาย สวามิภักดิ์ต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต่อมาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ยกฐานะบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมือง และพระราชทานนามว่า “เมืองกาฬสินธุ์” หรือ “เมืองน้ำดำ” ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล “กาฬ” แปลว่า “ดำ” “สินธุ์” แปลว่า “น้ำ” กาฬสินธุ์จึงแปลว่า “น้ำดำ” ทั้งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ท้าวโสมพะมิตรเป็น “พระยาชัยสุนทร” ครองเมืองกาฬสินธุ์เป็นคนแรก

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดกาฬสิน



เขื่อนลำปาว เป็นเขื่อนดินซึ่งสร้างปิดกั้นลำน้ำปาว และห้วยยาง มีบริเวณเขตติดต่อระหว่างตำบลลำปาว อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ตำบลหนองบัว อำเภอหนองกุงศรี และตำบลเว่อ อำเภอยางตลาด ตามเส้นทางหมายเลข 209 ทางหลวงสายกาฬสินธุ์-มหาสารคาม ตรงหลักกิโลเมตรที่ 10 แยกขวามือเข้าเขื่อนลำปาวตามถนนลาดยาง 26 กิโลเมตร เป็นเขื่อนดินสูงจากท้องน้ำ 33 เมตร สันเขื่อนยาว 7.8 เมตร กว้าง 8 เมตร เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2506 สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2511 เพื่อปิดกั้นลำน้ำปาวและห้วยยาง ที่บ้านหนองสองห้อง ตำบลลำปาว อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ทำให้เกิดอ่างเก็บน้ำแฝดทางด้านเหนือเขื่อน จึงได้ขุดร่องเชื่อมระหว่างอ่างทั้งสอง เก็บน้ำได้ 1,430 ล้านลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาอุทกภัยและเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้แก่ หาดดอกเกด ซึ่งเปรียบเสมือนสวรรค์ชายหาดของคนอีสาน